ถ่ายรูปภาคสนามครั้งแรก!!!

หลังจากหัดใช้มันมาซักพักกับของเล่นใหม่ของผม Nikon D70 คราวนี้ก็ถึงเวลาควักความรู้ที่ศึกษามาราวๆสองสามอาทิตย์(เอง?) ไปลองถ่ายรูปตามงานจริงๆซักทีแล้ว

แบบ(เหยื่อ)ของผมคราวนี้ก็คือ “ไอโป้ง” เพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม มัธยมก็ยังเจอมันอีก แต่มหาลัยไม่เจอมันแล้ว เพราะไม่มีปัญญาไปเรียนเหมือนมัน(ฮา) และเวทีคราวนี้ก็คือ “งานซ้อมรับปริญญาที่จุฬานั่นเอง”

โชคยังดีที่แค่ซ้อมรับ เพราะวันจริงท่าทางจะเหลวแน่นอน

– ถ่ายคราวนี้ภาพเสียน้อยลงเยอะเลย สั่นน้อยลงมากๆเลย เย่ จากอัลบัมก่อนๆ สั่นซะเกินครึ่งเลย
– คราวนี้ประสบความสำเร็จในการตั้งกล้องแล้ว ดีใจมากเลยนะเนี่ย ภาพออกมาสีสันดั่งใจพอสมควรเลย แม้ว่าจะมีปัญหาตอนถ่ายในที่มืด เช่น ในอาคาร อะไรพวกนี้ พอถ่ายในอาคารเลยจำใจใช้แฟลชเลย(ไม่ชอบ) แต่ก็เอาเหอะ พอรับได้ๆ
– โฟกัสยังไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เวลาถ่ายรูปกลุ่ม ไม่รู้จะโฟกัสยังไงให้สวยดี เดี๋ยงคงต้องหาความรู้เพิ่มเติมกันต่อไป
– เหมือนกล้องจะมีอาการประหลาดๆแฮะ
– อันนี้โกรธตัวเองสุดๆ ถ่ายรูปทำไมจัดองค์ประกอบให้เข้ากลางไม่ได้เนี่ยฮี!!! หลายรูปมากๆที่โอเค แต่เบี้ยวไม่เข้ากลาง (อย่างไม่มีสาเหตุ)
– ไม่กลางก็แย่แล้วถ่ายแล้ว Prop ตกอีกตะหาก ไม่เอาให้แน่ว่าถ่ายจะเอา Prop หรือไม่เอา มันก็เลยโผล่มาครึ่งนึง แหว่งๆเหวิ่งๆ
– อุปกรณ์ไม่พร้อมเท่าไหร่ (เอาเหอะ เรามันงบน้อย)

รวมแล้ว การถ่ายรูปครั้งนี้ผมพอใจนะ ที่มันยังบกพร่องขนาดนี้ก็เพราะมันเป็นครั้งแรก ให้อภัยตัวเองไปแล้วกัน เพราะครั้งนี้การตั้งกล้อง ซึ่งหัดมาน้านนาน ก็ทำได้โอเคซะที รับได้ครับรับได้ วันจริงต้องทำได้ดีกว่านี้แน่นอน ;) ส่วนอัลบัมนี้ก็ถือว่า Sample ไปละกันนะเพื่อนโป้ง เหอๆ

 

* Congratulation นะเฟร้ยยยย!!! (งานกรูต้องมานะเว้ย)

Diablo III

ผมเป็นคนที่แทบจะเลิกเล่นเกมส์ไปแล้วก็ว่าได้ มีอยู่ไม่กี่เกมส์หรอก ที่ผมเคยเล่น หรือเล่นอยู่ หรือยังรอคอยภาคใหม่

…แล้วความฝันผมก็เป็นจริงซะที หลังจากรอ ร๊อ รอ มานานแสนนาน

!!! Diablo 3 กลับมาแล้ว !!!

เมื่อจ้าวอสูรกลับมา เราก็ต้องมาไล่ฆ่ามันอีกครั้งนึง ครั้งนี้กราฟฟิกอลังการกว่าเดิมสุดๆ Sound Effect สุดยอด แถม Gameplay ยังเพิ่มมาให้เล่นได้หลากหลายขึ้นอีกด้วย สุดยอดครับสุดยอด ได้อัพเครื่องรอกันแน่นอนงานนี้

อันนี้ Trailer

อันนี้ Gameplay (ยาวหน่อยนะครับ)

ตื่นเต้นครับตื่นเต้น เชื่อว่า Diablo 3 ไม่ทำให้ผมผิดหวังแบบ Heroes of Might and Magic V แน่นอน ฟันธง!!

คณุอาน่ได้มยั้

อันนี้ได้มาจาก Forward Mail ของน้องบีนะครับ เห็นว่าสนุกดี เลยเอามาลงไว้ดีกว่า (ขอบคุณน้องบีด้วยนะจ๊ะ)

ถ้าคณุอาน่บทคาวมนี้ได้ คณุมีความคดิที่แขง็แรงพอสวคมรเลยนะ
คณุอาน่ได้หรอืเลป่าล่ะ
มีแค่ 55 คนจาก 100 เท่านนั้แล่หะที่อาน่ได้

ฉนัไม่อายกจะเชอื่เลยว่า ฉนัเข้าใจสงิ่ที่ฉนักำลงัอาน่อู่ยนี้
มนัเปน็ปฎกราากรณ์ของคาวมคดิของม์ษุยน
ผลการศกึาษวจิยัจาก มวหายิทัาลย แบมคิร์จด ก่าลวว่า มนัไม่สคำญเลย
ว่าตวัอรัษกเยีรงถตอ้กูงหรอืไม่ในคำคำหนงึ่ มนัสคำญแค่ว่า
ตวัอษักรแรกและตวัอษกัรตวัสดุทาย้ของคำนนั้อู่ยในตนำแห่งที่ถกูตอ้ง
ที่เลืหอนนั้มนัจะมวั่ซวั่อ่ายงไร คณุก็อาน่มนัได้อู่ยดี ไม่มีปหญัา
ที่เปน็อาย่งนี้เราพะคาวมคดิของมษุน์ยนนั้
ไม่ได้อาน่ตวัอษกัรทกุตวัซกัหอน่ย แต่อาน่เปน็คำเตม็ ๆ คำ
สดุยอดเลยใช่มยั้ล่ะ ใช่เลย
แต่ยงัไงฉนัก็คดิว่าการสกะดมนัสคำญันะ
ถ้าคณุอาน่บควาบมนี้ได้ ชว่ยสง่ตอ่หอน่ยนะ

ผมอ่านออกด้วยแหละ อิอิ
เทคนิดการอ่านเร็ว จะมีส่วนจากอันนี้ด้วยมั้ยเนี่ย

“เรา” คือ “อะไร” ในเทอมของ “พลังงาน”

…เคยคิดบ้างรึเปล่าครับ ว่า “เรา” คือ “อะไร” เกิดมาเพื่อ “ทำอะไีร”

ผมเชื่อว่าทุกคนคงมีซักเสี้ยววินาทีนึงแหละครับ ทุกๆคนเลย ที่เคยคิดแบบนี้ บางครั้งอาจจะตอนเสียใจแบบสุดๆจนแทบอยากตาย ว่า “ชีวิตกูจะเกิดมาเพื่ออะไรกัน” หรืออาจจะตอนที่ดีใจสุดๆ ช่วงประสบความสำเร็จ อารมณ์ว่า “ต่อจากนี้ ถึงตายก็ไม่เสียดายแล้ว เพราะบรรลุหน้าที่ในชีวิตแล้ว” อะไรทำนองนั้น

ผมก็เคยคิดครับ ว่าคนเราคืออะไรกันแน่ และเกิดมาเพื่อทำอะไรกันแน่ มีหนังสือชื่อดังเล่มนึงที่ให้คำตอบหนึ่งกับผม หนังสือเล่มนั้นคือ “เดอะ ซีเครต” ที่เขียนโดย Rhonda Byrne  ที่โด่งดังนั่นแหละครับ สิ่งที่ เดอะ ซีเครตตอบผมก็คือ

“เราคือพลังงาน ร่างกายคือภาชนะ และหน้าที่ของเราก็คือทำิ่สิ่งที่เราต้องการนั่นแหละ”

ดูสั้นและง่าย(และกำปั้นทุบดิน)ใช่มั้ยครับ แต่ที่ผมเชื่ออยู่อย่างนึง คือที่ว่า้ “เราคือพลังงาน” นั่นแหละครับ

ทำไมผมถึงเชื่อหล่ะ เพราะการที่เราคือพลังงาน มันสามารถอธิบายสิ่งต่างๆเหนือธรรมชาติได้ครับ ไม่ว่าจะเป็น “กฎแห่งกรรม”, “พลังจิต” หรือแม้แต่ “ผี”

ตามกฎของ “พลังงาน” พลังงานจะไม่สลายไปไหน แต่จะ “เปลี่ยนสภาพ” ไปเป็นพลังงานอีกรูปแบบหนึ่ง ตามหลักของฟิสิกส์ทั่วไป หากต้องการอธิบายเรื่องของ “คน” ในเทอมของ “พลังงาน” เกี่ยวกับ “พลังจิต” ก็คือ เราเพิ่มพลังงาน (หมายถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ฯลฯ) เข้าไปควบคุมร่างกายให้สามารถทำอะไรได้มากกว่าปกติ คล้ายๆกับการเพิ่มแรงดันไฟ หรือปรับตัวคูณ Bus ตอนเรา Overclock เครื่องคอมพิวเตอร์นั่นแหละครับ อันนี้ผมพูดไม่ได้พูดในเรื่องของการใช้พลังจิตให้ของลอยได้หรืองอช้อนได้ด้วยการมองเฉยๆนะครับ อันนั้นไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมก็ทำไม่เป็น

หรือหากกล่าวเรื่องของ “คน” ในเทอมของ “พลังงาน” เกี่ยวกับ “กฎแห่งกรรม” ก็คือ เมื่อใดก็ตามที่คุณก่อกรรมชั่วกับใครซักคน เขาเกลียดเขาโกรธคุณ เขาสร้างพลังงานลบออกมา และพยายามส่งพลังงานลบไปรบกวนพลังงานของคุณ คล้ายๆกับคุณเป็นจอมอนิเตอร์แล้วคุณโดนแม่เหล็กมาวางใกล้ๆนั่นแหละ ภาพสัญญาณก็จะถูกรบกวนใช่มั้ยครับ ส่งมาเรื่อยๆไม่ว่าจะนานแค่ไหน กี่ปี กี่เดือน หรือจะกี่ชาติก็ตาม จนกว่าการส่งพลังงานมันจะส่งสำเร็จนั่นแหละ และเมื่อคุณถูกพลังงานลบรบกวน คุณก็อาจเกิดความผิดปกติ คุณอาจจะแค่ป่วยนิดหน่อยหรือไม่ก็ซวยเกิดอุับัติเหตุ หรือจะยังไงก็ได้ที่ทำให้ชีวิตคุณไม่เป็นสุขนั่นแหละ แล้วพอมีใครมาทำให้คุณเป็นแบบนั้น คุณโกรธคุณแค้นคุณก็ส่งพลังงานลบกลับไปให้เขา กลับไปกลับมาแบบนี้ไม่มีสิ้นสุด ก็ทำนองนี้แหละครับ กฏแห่งกรรม

พระท่านถึงบอกไงครับ “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” “พลังงานลบก็ย่ิอมระงับโดยการไม่ส่งพลังงานลบกลับไป”

หรือหากกล่าวเรื่องของ “คน” ในเทอมของ “พลังงาน” เกี่ยวกับ “ผี” ก็คล้ายๆกรณีกฏแห่งกรรมครับ จากกฎของพลังงานคือเรื่องของพลังงานที่จะไม่สลายไปไหน ก็คือ เมื่อสิ้นชีวิต หมายความว่ากายเนื้อที่เป็นภาชนะหมดสภาพการใช้งานแล้ว พลังงานจึงต้องออกมาจากภาชนะ กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “วิญญาณ” นั่นแหละครับ คราวนี้ วิญญาณจะเป็นยังไง จะแสวงหาภาชนะใหม่ หรือที่เรียกว่า “ไปเกิดใหม่” หรือ “สู่สุขติ” หรือ “เร่ร่อน เป้นวิญญาณอาฆาต” ก็แล้วแต่ชนิดของพลังงานเมื่อออกมาจากร่าง ถ้าเป็นพลังงานบวกซะเป็นส่วนมาก เช่น สบายใจ หมดห่วง ก็คงจะไปกรณี “สู่สุขติ” หรือ “เกิดใหม่” แต่ถ้าเป็นพลังงานลบ เช่น อาวรณ์ ห่วง หรือ เคียดแค้น ก็คงจะไปในกรณี “เป็นวิญญาณเรร่อน(หรือเป็นวิญญาณประจำที่) หรือวิญญาณอาฆาต” นั่นเอง

ก็จะอธิบายได้ในทำนองนี้

First Official Windows 7 Video

จาก Entry ที่แล้วที่เขียนไว้เกี่ยวกับเรื่องของ E-Mail ของบิล เกตส์ที่เขียน(ด่า)ถึงทีมงาน Microsoft นั้นแล้วผมก็ทิ้งท้ายไว้ด้วยความคาดหวังเล็กๆที่จะเจอใน Windows 7

วันนี้เป็นเรื่องบังเอิญนิดหน่อยระหว่างทำงาน ที่ไปเปิดเจอ Clip ของ Windows 7 ที่ขึ้น Title ไว้เลยว่า “Windows 7 First official video” เลยเข้าไปดูซะหน่อยว่าจะมีทีเด็ดขนาดไหนกัน

…น่าเสียดายนิดหน่อยที่ผมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากมาย แม้จะดูน่าตื่นตากับระบบ Multitouch แต่ผมก็เคยเห็นอะไรแบบนี้แล้วใน Video Microsoft Tabletop ถ้าจำไม่ผิดผมเคยเขียนเอาไว้ใน Blog นี้แล้วด้วย ตั้งแต่ Entry แรกๆเลย (เผลอๆ MS Tabletop จะเจ๋งกว่าซะอีก ด้วยความสามารถการ Synchronize กับอุปกรณ์เช่น โทรศัพท์ กล้อง Digital หรือ บัตรเครดิต) คราวนี้ก็เอา OS ที่อยู่บน Tabletop มายัดลง Notebook ที่มีระบบ Multitouch บนหน้าจอเข้าไปอีก ก็แค่นั้น!? (รึเปล่า ไม่รู้เหมือนกัน)

แต่แนวโน้มอีกย่างนึงที่น่าสนใจ เป็นเรืองของเทคโนโลยีของจอ LCD นะครับ พอมาเห็นแบบนี้แล้วแนวโน้มมีอยู่หลายทิศทางนะครับ
– ทางแรก ในปลายปี 2009 ตามกำหนดการวางขาย Windows 7 ตามที่ Microsoft บอก (โดยไม่เลื่อน) ถึงตอนนั้นหมายความว่า LCD แบบ Multitouch จะเป็นที่แพร่หลายแล้ว สำหรับ PC/Notebook ทั่วๆไป เราคงเล่นเกมส์จับผิดรูปภาพได้บน Notebook ของเรากันแล้วสินะเนี่ย
– แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้น อีกทิศทางนึงก็คือ Notebook แบบไฮเอนด์ เน้นดีไซน์และการใช้งาน (ไอพวกจอหมุนได้ 180 องศา) อาจจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งก็เป็นได้ ด้วยการนำเอา Multitouch มาเพิ่มพลัง Usability (และราคา) ก็อาจจะเป็นได้
– หรือถ้ามันเลวร้ายไปยิ่งกว่านั้น Microsoft Notebook อาจจะออกมาก็ได้!!! อันนี้ความเป็นได้น้อยที่สุด แต่ก็ไม่ได้เป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยหล่ะ ตราบใดที่ผมจินตนาการมันได้มันก็อาจจะเกิดขึ้นได้ จริงมั้ยหล่ะ แต่อย่าให้มันเกิดขึ้นเลย

– แต่ที่ให้เดาแน่ๆเลย ผมว่า Windows 7 กับ Multitouch feature คงจะอยู่ใน Windows 7 Extream Professional หล่ะมั้ง ส่วน Windows 7 Home Edition หรือ Windows 7 Professional ธรรมดาก็คงอดไป ฮะๆๆ

* จะมีใครเก๊ตมุขมั้ยเนี่ย -_-”
** วิดีโอมันเก่าแล้วนะ ตั้งแต่เดือน 5 แล้ว เพิ่งจะได้ดูนะเนี่ย 

Bill Gates ก็เบื่อ Windows พอๆกับเรานี่แหละ

ข่าวนี้จาก Blognone นะครับ

เนื่องในโอกาสบิล เกตส์ลงจากตำแหน่งสิ้นเดือนนี้ เว็บไซต์ Seattle PI ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเมืองซีแอทเทิล ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ไมโครซอฟท์ได้ตีพิมพ์บทความชุดเรื่องผลกระทบต่อบิล เกตส์ต่อวงการซอฟต์แวร์ และต่อไมโครซอฟท์เอง

บทความหนึ่งในชุดเป็นอีเมลภายในที่รั่วออกมา เมื่อปี 2003 บิล เกตส์เขียนอีเมลไปบ่น (เรียกให้ถูกคือไปด่า) Jim Allchin หัวหน้าทีมวินโดวส์และลูกน้องระดับสำคัญๆ หลายคน เพราะเขาพบว่าวินโดวส์ใช้งานยาก หลังพยายามดาวน์โหลดและติดตั้ง Movie Maker ลงในพีซีของตัวเอง หัวข้ออีเมลใช้ชื่อว่า “Windows Usability Systematic degradation flame”

ปัญหาที่บิล เกตส์ประสบพบเจอก็เหมือนเราๆ เช่น

• เว็บไซต์ไมโครซอฟท์ช้ามาก
• หาลิงก์ดาวน์โหลดไม่เจอ
• หน้าดาวน์โหลดเต็มไปด้วยขยะ เกตส์ใช้คำว่า “These names make stuff like: C:\Documents and Settings\billg\My Documents\My Pictures seem clear.”
• search ก็ไม่เจอ ต้องอีเมลไปถามลูกน้องว่าหน้าดาวน์โหลดอยู่ไหน
• พอเจอหน้าดาวน์โหลด ปรากฎว่ามันบอกให้ใช้ Windows Update แทน
• เปิด Windows Update แล้วต้องดาวน์โหลด critical ก่อน โดนบังคับ ไม่งั้นไปต่อไม่ได้
• ดาวน์โหลดอัพเดตแล้วติดตั้งช้า แถมบังคับรีบูต “Why should I do that? I reboot every night — why should I reboot at that time?”
• หน้าต่างเซฟไฟล์มีแค่ปุ่ม Open กับ Save ไม่มีคำอธิบาย
• ติดตั้ง Movie Maker เสร็จ เข้าไปดูใน Add/remove ปรากฎว่าไม่มี มีแต่ขยะอื่นๆ
• Later I have listed things like Windows XP Hotfix see Q329048 for more information. What is Q329048? Why are these series of patches listed here?

เกตส์ยืนยันกับ Seattle PI ว่าอีเมลนี้เป็นของจริง และบอกว่าเขาต้องส่งอีเมลแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะว่านี่คืองานของเขาล่ะ

ที่มา – Seattle PI ผ่าน OSNews

ถูกใจครับถูกใจ สิ่งที่ผมไม่ชอบใน Windows โดยเฉพาะ Vista ก็คือเรื่องของ Usability นี่แหละ

…ผมก็ดีใจนะที่ บิล เกตส์ ก็รู้ตัวว่า Usability Design ของ Microsoft มันห่วย(ในสายตาผม) แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนไปหรอก เพราะดูเหมือนมันจะเป็น Microsoft Style ไปแล้ว ที่เน้นเยอะเข้าไว้ 

…อาจจะมีอะไรใหม่ๆใน Windows7 ก็ได้ ใครจะไปรู้ !!

ถ้าหากไม่เคยเจ็บ – B.O.Y.

…ไม่ได้พิสวาสอะไรวงนี้เป็นพิเศษหรอกครับ แต่ที่ชอบ MV ตัวนี้ก็เพราะว่า MV ตัวเดียว แต่เอาสุดยอด Girl Idol ในยุคนี้ถึงสามคนมารวมกันเลยนะ ว๊าววววว… สุดยอดอ่ะ ไม่ว่าจะเป็น เอ๊ก(Strawberry Cheesecake), เต้ย และ แพตตี้(ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น)

จาก MV นี้สอนให้รู้ว่า ถึงจะหน้าตาดีจีบติดได้ก็ถูกทิ้งได้ กร๊ากกกก (อย่าซีเรียสครับอย่าซีเรียส เพลงเขาก็เพราะอยู่แหละนะ)

Onoaonoa’s Rating

Music Rating : ★★★✯✩ (3 ดาวครึ่ง) – เพลงก็โอเคครับ ฟังแบบ New Single ไปก็เพราะดี
MV Rating : ★★★★✯ (4 ดาวครึ่ง) – ให้นางเอกทั้งสามคนครับ กร๊ากก
Overall Rating : ★★★★☆ (4 ดาว)

เพลงก็เพราะดีครับ ติดแต่ตรงที่เนื่องจากที่มันเป็นเพลงแนวๆทั่วไปอยู่แล้ว(ตลาด) ฟังต่อไปซักพักก็เบื่อครับ ว่ากันตามตรง แนวเพลงและเสียงร้องผมไม่รู้ว่าเขามีจุดขายอยู่ตรงไหน แต่ที่ชอบคือ MV มากกว่าครับ ภาพสวย วิวสวย และนางเอกสวย(อิอิ) เนื้อเรื่องบรรยายความเซ็งความชำ้ของนักร้องได้ดี ชัดเจน แต่สำหรับอารมณ์ของเสียงร้อง ผมยังไม่ให้ครับ ยังไม่โดนครับยังไม่โดน

* Rating และ Comment ของผมไม่ได้อ้างอิงจากที่ไหนครับ อ้างอิงจากตัวผมเอง วิจารณ์จากความรู้สึกล้วนๆ ถ้าไปสะกิดต่อมแฟนคลับเข้าก็ขออภัยครับ  

จะบอกกับเธอว่ารักเธอ – ตรัย ภูมิรัตน์

ผมชอบน้ำเสียงและสไตล์เพลงแบบ Easy Listening ของพี่บอย ตรัย ภูมิรัตน์เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ยิ่งเพลงนี้ ยิ่งโดนใจเลยครับ เสียงนุ่มๆฟังสบายของพี่บอย กับ MV น่ารักๆ ทำให้ผมโปรดเพลงนี้สุดๆ ชนิดว่าดูยังไงก็ไม่เบื่อเลยทีเดียวแม้ว่าจะเป็นเพลงเก่าก็ตาม (ถึงแม้ว่าจะขัดใจนิดหน่อยกับ MV ตรงที่ ในความเป็นจริงมันเป็นไปไ่มได้ร๊อก แล้วเขายังไม่โดนคนอื่นจีบไปเนี่ย(ยิ่งนางเอกน่ารักขนาดนั้นด้วย ฮา))

เพลง : จะบอกกับเธอว่ารักเธอ
ศิลปิน : ตรัย ภูมิรัตน์
Album : Inside Zentrady

วันนี้มันคงจะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะฝืนเก็บ
ความลับในใจฉันที่ฝันจะมีเธอ
เก็บไว้คนเดียวมาแสนนานมันทรมานที่ต้องเจอ
ความรู้สึกอย่างตอนนี้ คิดถึงเธออย่างนี้
 

* แต่จากนี้จะไม่ฝืนจะไม่เก็บเอาไว้
ไม่ว่าจะยากเท่าไร ก็จะต้องพูดออกไป
ฉันจะต้องพูดให้ได้

** จะบอกกับเทอว่ารักเธอ
ให้เทอได้รู้ฉันรักเธอ
รักเธอเสมอและมีเธอคนเดียวในหัวใจ
เธอจะยอมฟังฉันมั้ย หากจะบอกคำนี้ไปว่ารักเธอ

หลายครั้งที่ฉันนั้นรู้สึก กับสิ่งต่างๆที่ฉันทำ
บางครั้งมันต่างกัน ตรงกันข้ามกับหัวใจ
ปล่อยทิ้งคืนวันให้ว่างเปล่า คงไม่ค่อยดีเท่าไร
คำพูดเพียงหนึ่งคำมันยากนักหรือไง

* , **

จะบอกกับเทอว่ารักเธอ
ให้เทอได้รู้ฉันรักเธอ
รักเธอเสมอมีแต่เธอคนเดียวในหัวใจ
เธอจะยอมฟังฉันมั้ย หากจะบอกคำนี้ไปว่ารักเธอ

** 

...โว้ว I love friday...

Cocoa came back!!

จากที่เคยเขียนไว้ใน Entry ก่อนหน้านี้ว่า จะแยกเนื้อหาของเรื่องส่วนตัวกับ cocoa develop ตอนนี้กลายเป็นว่า ผมเปลี่ยนใจ ไม่แยกแล้วหล่ะ

ด้วยหลายๆเหตุผล ทำให้ผมตัดสินใจไม่แยกบลอกออกเหมือนที่คิดไว้ตอนแรก

10% ผมยังไม่พร้อมสำหรับการเปิด Blog แบบ Community
20% ผมคิดว่า Entry ส่วนมากผมคงจะเขียนเองซะเป็นส่วนมาก ดังนั้นรวมไว้ก่อนก็ยังไม่เห็นเป็นไร
5% ถ้าจะเปิดจริงๆ อยากเปิดเป็น .com มากกว่า แต่ตอนนี้อะไรๆยังไม่อำนวยนัก
15% Content ที่จะอัพเกี่ยวกับ Cocoa รู้สึกจะยังมีไม่ได้มากมายอะไรเลย แยกไปมันก็ตายเปล่าๆ

และ 50% ผมขี้เกียจ

-_-” ทำไมเหตุผลมันขี้เหร่อย่างนี้หล่ะเนี่ย 5555+ 

Copy PDF to Pages!!

คราวนี้เปลี่ยนมาเขียน Entry แนว Computer Tips มั่งดีกว่า (หลังจากเขียนแนวไร้สาระมาหลาย Entry แล้ว ฮา…)
…คงจะเคยมีบางครั้งที่ข้อมูลที่เราได้มาจะอยู่ในฟอร์แมทของไฟล์ PDF และบางครั้งเราก็ต้องการได้ข้อมูลนั้นเป็น ฟอร์แมทอื่นๆ (เช่น .doc เมื่อเราจะส่งรายงานอาจารย์) แต่กรณีผม ผมต้องการนำบทความในไฟล์ PDF ที่ถูกเซฟมาจากหน้าเวบ ซึ่งผมรู้สึกไม่เป็นธรรมชาตินักเวลาอ่าน ผมพอใจที่จะเอาบทความเหล่านั้นมาเรียบเรียงใหม่แล้วปรินท์หรือเซฟเก็บไว้่อ่านภายหลัง (ออกแนวโรคจิตอีกแล้ว)
…คงไม่เป็นอะไรถ้าผมอ่านบทความภาษาอังกฤษทั้งหมด ผมก็ Copy & Paste ไปตามปกติได้ แต่ก็นะ ผมไม่ได้สามารถขนาดนั้นหรอก
ผมอ่านบทความภาษาไทย และเมื่อผม Copy&Paste บทความไป ก็จะเจอปัญหาแบบนี้



…งานเข้าเลยมั้ยหล่ะครับงานนี้ อักขระบางตัว เช่นสระหรือวรรณยุกต์บางตัวไม่สามารถแสดงผลได้ จะไปนั่งแก้ทีละตัว ก็หมดอารมณ์่อ่านกันพอดี
แต่ไม่เป็นไรครับ แก้กันได้ เส้นผมบังภูเขานิดเดียวเอง วิธีการไม่มีอะไรมากครับ เราก็แค่ Copy อักขระที่มีปัญหาอยู่ตัวนั้น (ย้ำนะครับว่า Copy มา) จากนั้นเราก็ใช้คำสั่ง find ขึ้นมา (ctrl+f/⌘+f) แล้วเราก็ Paste ตัวอักขระที่เรา Copy มา ไปไว้ในช่อง find แล้วก็ใส่อักขระที่ถูกต้องเข้าไปในช่อง Replace แล้วก็กด Replace all ไปเล้ย

จากรูปภาพ มันก็จะแก้ไขเป็นไม้โทให้เราเฉพาะที่มันเป็นไม้โทแม้ว่าอักขระตัวอื่นจะมีสัญลักษณ์เหมือนกับไม้โทเช่นกัน แต่มันก็จะไม่แก้หรอกครับ เพราะมันไม่ใช่ตัวนั้น

จากนั้นก็มีเยอะแก้เยอะ มีน้อยแก้น้อยครับ แก้กันตามสบาย
…แค่นี้เราก็ Copy & Paste เอกสาร PDF ภาษาไทยลง Pages หรือ Word ได้แล้ว

PS. ดูมันไม่น่าจะเอามาเขียนเลยนะเนี่ย เพราะมันดูไม่มีอะไรเลย แต่ก็มั่นใจนะว่ามีคนไม่รู้ อย่างน้อยผมก็เคยโง่นั่งแก้ทีละตัวมาแล้วแหละ เอิ๊กๆ